อย่างไรจึงเรียกว่า โรคความดันโลหิตสูง
โดยปกติทุกคนจะมีความดันโลหิตที่จะคอยผลักดันเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายซึ่งอัตราปกติหัวใจของคนเราจะเต้นอยู่ประมาณ 60-80 ครั้งต่อนาที ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ทั้งนี้ โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80 – 139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า หากใครมีความดันโลหิตสูง 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็น โรคความดันโลหิตสูง
ทั้งนี้ โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน แต่คนกว่า 70% มักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเหมาะสมแต่เมื่อเริ่มมีอาการแล้วจึงเริ่มใส่ใจรักษาซึ่งบางครั้งก็อาจไม่ทันท่วงที
โรคความดันโลหิตสูง นำไปสู่โรคร้ายอะไร ?
ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จะมีความดันโลหิตไปเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่สม่ำเสมอซึ่งนำมาสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ โรคไตวาย เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตโดยเฉียบพลัน
ระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง
ความรุนแรงของโรคความดันโรคหิตสูง แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิตระหว่าง 140-159/90-99 มม.ปรอท
ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิตระหว่าง 160-179/100-109มม.ปรอท
ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิต มากกว่า 180/110 มม.ปรอท
ทั้งนี้ การวัดความดันโลหิตควรจะวัดขณะนอนพัก และควรวัดซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความดันโลหิตสูงจริง ๆ
อาการของผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง
ปกติโรคความดันโลหิตสูงมักไม่ปรากฏอาการใดๆ ให้ทราบ อาจพบอาการปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ เหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หรือนอนไม่หลับ สูญเสียความจำ สับสน ซึ่งล้วนเป็นอาการเล็กๆน้อยๆ นั่นจึงทำให้คนไม่เอะใจ จึงไม่ได้รับการรักษา และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้
อาการแทรกซ้อนในโรคความดันโลหิตสูง
อาการแทรกซ้อนทางระบบประสาท ได้แก่ อาการชา แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว หรือหมดสติ
อาการแทรกซ้อนทางตา ได้แก่ ตามัวลง
อาการแทรกซ้อนทางไต ได้แก่ บวมตามร่างกาย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน
อาการแทรกซ้อนระบบหัวใจ ได้แก่ เจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกาย เหนื่อยง่าย เท้าบวม
รักษาโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร
การรักษาโรคความดันโลหิตสูงมีหลายวิธี ต้องใช้ร่วมกันจึงได้ผลดี ได้แก่
1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา มีความสำคัญมาก ได้แก่
>> การควบคุมอาหาร โดยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็ม เนื่องจากเกลือทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น นอกจากนี้ควรลดอาหารประเภทไขมันและเครื่องในสัตว์ เนื่องจากมีคอเลสเตอรอลสูงทำให้หลอดเลือดตีบตัน และควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้
>> งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบและความดันโลหิตสูง
>> ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าจำเป็นดื่มได้ไม่เกินวันละ 30 ซีซี หรือเทียบเท่าเบียร์ 1 กระป๋อง หรือวิสกี้ 2 ออนซ์ หรือ ไวน์ 8 ออนซ์ ถ้ามากกว่านี้จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
>> การออกกำลังกาย ควรออกให้พอควรและสม่ำเสมอ ประมาณ 15-20 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-6 ครั้ง นอกจากจะช่วยความดันโลหิตลดลงแล้วยังทำให้ไม่อ้วน และระบบหัวใจหลอดเลือดดีขึ้นอีกด้วย โดยควรออกกำลังกายหลังจากสามารถควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติก่อน
2.การรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต มีหลายชนิดให้เลือกใช้ โดยแพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป
โดยทั่วไปหากความดันโลหิตสูงไม่มาก แพทย์จะให้ทดลองรักษาด้วยวิธีไม่ใช้ยาก่อน หากไม่ได้ผลจึงใช้ยาลดความดันโลหิต เป้าหมายการรักษาต้องการให้ระดับความดันโลหิตปกติ ไม่เกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท
ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมรักษาไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ในบางช่วงอาการอาจดีขึ้นมากจนสามารถหยุดยาได้ แต่ต้องมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากความดันโลหิตมักจะกลับมาสูงขึ้นใหม่ได้หลังหยุดยา ผู้ป่วยจึงไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ศูนย์ตรวจสุขภาพ (Wellness Center )
โทร. 053-910999 ต่อ 167,168