ภาษา

บทความเพื่อสุขภาพ

ค้นหาบทความ

โรคเบาหวาน...กับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009, 2010, 2011
 
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มากกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน
ทั้งไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น 1) สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันชนิดเซลล์ ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อแล้วก็มักจะรุนแรง อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน
 
 
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประโยชน์มาก
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน สำหรับกรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ควรฉีดทุกปี รวมทั้งกรณีของหญิงตั้งครรภ์ เวลาที่เหมาะสมที่จะฉีดวัคซีนคือ ช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว
 
 
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
คือ การหลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย จำเป็นต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องนี้ ในกรณีที่มีอาการชวนให้สงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ควรหยุดงาน หรืองดไปโรงเรียน
 
 
ปัญหาที่ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดีในระหว่างที่มีการติดเชื้อ
มักเกิดจากการรับประทานอาหารไม่ได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด และปรับขนาดยาที่ใช้ในการรักษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์
 
 
การติดต่อของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1)
คนส่วนใหญ่ติดโรคไข้หวัดใหญ่จากการถูก ละอองฝอยไอจาม
น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยโดยตรง หรือได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ลูกบิดประตู โทรศัพท์ แก้วน้ำ ก๊อกน้ำ แป้นคอมพิวเตอร์ แล้วใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา ป้ายปาก โดยไม่ได้ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อน ทั้งนี้ ไม่มีรายงานการติดเชื้อจากการรับประทานเนื้อหมู
 
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังจาก ได้รับเชื้อไวรัส 1-3 วัน
น้อยรายที่นานถึง 7 วัน และอาจเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนป่วย ช่วง 3 วันแรกจะแพร่เชื้อได้มากที่สุด และระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน แต่ในเด็กเล็ก อาจแพร่เชื้อได้ นานถึง 10 วัน
 
ประชาชนสามารถบริโภคเนื้อหมู
หรือ ผลิตภัณฑ์จากหมูที่ปรุงสุกนั้นปลอดภัย เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะถูกทำลาย (inactivate) ได้ด้วยความร้อนจากการปรุงอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป อย่างไรก็ตาม เพื่อความ ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ไม่ควรนำหมูที่ป่วยหรือตายมาประกอบอาหาร
 
 
สถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศไทย
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูการระบาด ของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ในปีนี้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น 1 อาจมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอยู่บ้าง
 
จากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น 1 อาจมีความรุนแรง (อัตราป่วยตาย) ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และไม่ได้รุนแรงเท่ากับข้อมูลที่ได้รับทราบจากข่าวการระบาดในเม็กซิโกระยะ เริ่มต้น แต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น 1 มีความสามารถในการแพร่กระจายไปได้กว้างขวางกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีภูมิต้านทานโรค
 
ขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงต้นของการระบาด และการระบาดจะขยายตัวต่อไปอย่างรวดเร็ว ไปทั่วประเทศ และทุกชุมชนการระบาดในกรุงเทพและปริมณฑล เริ่มจากการระบาดในโรงเรียน การระบาดในระยะต่อไป คาดว่าจะเป็นการระบาดในครอบครัวของผู้ป่วย (พ่อ แม่ พี่ น้อง ผู้สูงอายุที่อยู่ร่วมบ้าน) และการระบาดในโรงพยาบาล และคาดว่าในระยะต่อไปจะเป็นการระบาดในสถานที่ทำงาน ซึ่งเกิดจากการที่พ่อแม่ของเด็กป่วยไปแพร่เชื้อในที่ทำงานนั่นเอง
 
รูปแบบการระบาดของแต่ละพื้นที่อาจมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน การแพร่ระบาดคาดว่าจะต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง จากข้อมูลการระบาดในอดีต คาดว่าการระบาดจะยังอยู่ในประเทศต่อไปอีก ไม่ต่า กว่า 1-3 ปี การระบาดระลอกนี้ จะมียอดผู้ป่วยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อีก 1-2 เดือน แล้วจะเริ่มลดจำนวนลง จากนั้นอาจจะมีการระบาดระลอกต่อไป ภายใต้ข้อมูลและสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ทำให้คาดการณ์ว่ารวมทั้งสิ้นแล้ว จะมีผู้ป่วยประมาณ 3-15 ล้านคน และเป็นผู้ป่วยหนักที่ต้องรับเข้ารักษาในโรงพยาบาลประมาณ 30,000 -130,000 คน และเสียชีวิตในที่สุดประมาณ 1,200 คน
 
ในปีนี้ พ.ศ. 2552 จะมีจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งหมดสูงกว่าปี ก่อนๆ และคาดว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1เอ็น 1) จะทำมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากกว่าการเกิดไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
 
 
ด้วยความห่วงใย จาก ศูนย์ผู้ป่วยนอกและคลินิกเบาหวาน รพ.เกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ 
โทร. 053-910999
แฟกซ์ 053-153233
อุบัติเหตุฉุกเฉิน โทร. 053-700200